จตุกกนิบาต: อสุรวรรค ข้อที่ 95 - 100 และวลาหกวรรค ข้อที่ 101 - 105
ฉวาลาตสูตร ราควินยสูตร ขิปปนิสันติสูตร อัตตหิตสูตร และสิกขาปทสูตรมีหัวข้อเหมือนกัน แต่ต่างกันใน 5 นัยยะ เหมือนกันตรงที่แบ่งบุคคลตามการปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติ เพื่อตนเองหรือเพื่อผู้อื่นมาจับคู่กัน ความประณีตไล่ไปตามลำดับ นัยยะที่ 1 ฉวาลาตสูตรเปรียบบุคคลที่ไม่ปฏิบัติเพื่อใครเลย เป็นเหมือนไม้ที่ตรงกลางเปื้อนอุจจาระ ปลายทั้งสองข้างลุกเป็นไฟหาค่าไม่ได้ ในขณะที่บุคคลที่ปฏิบัติเพื่อตนเองและผู้อื่น ดุจดั่งรสที่ได้จากวัวนม จนได้ยอดเนยใสในที่สุด นัยยะที่ 2 ราควินยสูตรมีตัวแปร คือ ราคะ โทสะ โมหะ จะเห็นว่าแม้คนที่มือถือสากปากถือศีล ก็ยังนับว่าเป็นคนดี เพราะอย่างน้อยก็พูดดี แม้จะทำเองยังไม่ได้ก็ตาม เขาสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้ นัยยะที่ 3 ขิปปนิสันติสูตร แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ตรัสรู้นี้เพื่อตัวเอง และบอกสอนนี้เพื่อผู้อื่น เป็นการปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม นัยยะที่ 4 อัตตหิตสูตรมีแต่หัวข้อ นัยยะที่ 5 สิกขาปทสูตรเอาศีล 5 มาเป็นตัวแปร ซึ่งจะเป็นคนละมุมกับราควินยสูตร ในโปตลิยสูตรบุคคลที่ติเตียน หรือสรรเสริญตามกาลอันควรจึงจะประเสริฐสุด ไม่ใช่บุคคลที่อุเบกขาไปซะหมด จบอสุรวรรค
เริ่มวลาหกวรรค ปฐมวลาหกสูตรเปรียบเมฆ คือ การพูดฝน คือ ลงมือทำ ทุติยวลาหกสูตรเปรียบเทียบคนที่เรียนอริยสัจ 4 เรียน คือ ฟ้าร้อง ไม่เรียน คือ ไม่ร้อง ฝนตก คือ รู้ชัดในอริยสัจ 4 อย่างน้อย คือโสดาบัน ฝนไม่ตก คือ ไม่รู้ ในกุมภสูตร อุทกรหทสูตร และอัมพสูตร มีหัวข้อต่างกันแต่ไส้ในเหมือนกัน เป็นการรู้อริยสัจ 4 ภายในกับลักษณะภายนอกที่เห็น อาจเป็นดุจหม้อเปล่าหรือเต็ม และเปิดหรือปิดฝา หรือดุจความตื้นลึกของห้วงน้ำเงาที่เห็นกับความจริง และการสุกหรือดิบของมะม่วง
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Create your
podcast in
minutes
It is Free