Q: มีความรู้สึกเหมือนไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง มีแค่ความรู้สึกที่รับรู้เรื่องราวต่างๆ อยู่ เหมือนกำลังดูละครโรงใหญ่อยู่ สภาวะแบบนี้คืออะไร?
A: ลักษณะเช่นนี้ คือ “สติ” ที่เริ่มมีการแยกตัวออกจากสิ่งนั้นๆ โดยเมื่อเห็นเช่นนี้แล้วเราสามารถเลือกได้ว่า จะไปตามทุกข์หรือสุข ในสภาวะนั้น หรือ ดูเฉยๆ หรือเลือกสิ่งที่เป็นประโยชน์ คือ ไม่ยึดถือในสภาวะแบบนั้น นั่นคือ เรามี “สติสัมปชัญญะ” แล้ว
Q: เมื่อตายแล้ว อะไรที่ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบจะเอาไปด้วยได้?
A: ถ้ายังไม่ปรินิพพาน เมื่อตายแล้วสิ่งที่จะติดตามไปด้วยได้ คือ กุศลและอกุศล เพราะการ กระทำทางกาย วาจา ใจ จะสั่งสมมาที่จิต มันจะให้ผลที่สืบเนื่องไป หากเรามีกุศลจิต กุศลจิตที่ไปเกิดใหม่นั้น คือ จะไปยังที่ ที่มีความสุขได้ หากปรินิพพาน ท่านไม่ได้เอา ศีล สมาธิ ปัญญา ไปด้วย เพราะสภาวะแห่งการสั่งสมนั้นดับไป คือจิตดับไป มันจึงให้ผลไม่ได้ เพราะฉะนั้น ก่อนจะไปถึงนิพพาน เราควร ละอกุศล ทำกุศล และทำจิตให้บริสุทธิ์ มาตามทางศีล สมาธิ ปัญญา เป็นอริยทรัพย์ที่คนอื่นขโมยไปไม่ได้
Q: การบรรลุไม่ได้ขึ้นอยู่กับทุกข์มากหรือน้อย แต่ขึ้นอยู่กับปัญญาเห็นการเกิดดับแห่งทุกข์นั้น ใช่หรือไม่?
A: ทุกข์ที่จะทำให้เกิดธรรมะได้ ทุกข์นั้นจะต้องประกอบด้วย ศรัทธาและปัญญา / สุขเวทนา คือ ทุกข์ที่ทนได้ง่าย ทุกขเวทนา คือ ทุกข์ที่ทนได้ยาก ทั้งสุขเวทนาและทุกขเวทนาล้วนเป็นทุกข์ เพราะเปลี่ยนแปลงไป ตามเหตุ เงื่อนไข ปัจจัยเหมือนกัน เช่นนี้ เราจะเห็นทุกข์ได้ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของสุขเวทนาหรือทุกขเวทนา เห็นทุกข์ได้แบบนี้ด้วยปัญญา ให้เรามีสติ ไม่ประมาท มีศรัทธา ไปตามทางมรรค 8 จะทำให้เราพ้นทุกข์ได้
Q: เวลานั่งสมาธิแล้วจะคอยจ้องว่าเมื่อไหร่ จะสงบนิ่งเข้าสมาธิ ควรแก้ไขอย่างไร?
A: อยู่ที่เราสร้างเหตุ เงื่อนไข ปัจจัย ให้ถูกต้อง แล้วทำความเพียรด้วยศรัทธา ด้วยปัญญาคือเข้าใจว่ามันเป็นอนัตตา เราต้องมีศีล มีกัลยาณมิตร ฟังธรรม ใคร่ครวญ โยนิโสมนสสิการ อยู่ในเสนาสนะอันสงัด พอไปถูกทาง ความสงบจะเกิดขึ้นมาได้
Q: ขณะสวดมนต์อยู่ มีธรรมะผุดขึ้นในใจ ควรทำอย่างไร?
A: ใคร่ครวญธรรม ให้เห็นตามความเป็นจริง เพื่อให้เกิดปัญญาในการหลุดพ้น
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
Create your
podcast in
minutes
It is Free