วัดที่ใจของเรานี้ ตาเห็นรูป ใจเราเปลี่ยนแปลง เราเห็นขณะที่มันเปลี่ยนแปลงไป นี่ล่ะปัจจุบันอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่เมื่อวานจิตเป็นอย่างนี้ วันนี้จิตเป็นอย่างนี้ อันนี้คิดเอา ไม่ได้เห็นเอา ไม่ใช่ทัสสนะ ไม่เกิดญาณทัสสนะ แต่เกิดการคิด คิดเอา เมื่อวานกับวันนี้ไม่เหมือนกัน แสดงว่าไม่เที่ยง อันนี้ยังไม่ใช่วิปัสสนา วิปัสสนาต้องใช้ทัสสนะ ใช้การเห็นเอา เห็นรูปเห็นนามอย่างที่เขาเป็น เขาเป็นอะไร เขาเป็นไตรลักษณ์ ตาเห็นรูป ใจเรามีความสุข ใจเราเกิดราคะ เรารู้ทัน อย่างนี้เรียกว่าเรารู้ปัจจุบันแล้ว หูได้ยินเสียง ใจเรามีความทุกข์ ใจเราเกิดโทสะ เรารู้ทัน มีความทุกข์เกิดขึ้นในใจก็รู้ มีโทสะในใจเกิดขึ้นก็รู้ นี่เรียกเรารู้ปัจจุบันแล้ว คอยวัดใจตัวเองไปเรื่อยๆ ใจเรามีแต่ความเปลี่ยนแปลง ไม่มีความคงที่ แล้วไม่ต้องไปฝึกให้ใจคงที่ ใจจริงๆ มันเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ก็ไม่ว่ามัน ให้มันเคลื่อนไหวไป ขอแค่มีสติตามรู้ตามเห็น แล้วต่อไปปัญญามันเกิด จะรู้เลย จิตทุกชนิดเกิดแล้วดับ จิตสุข จิตทุกข์ จิตดี จิตชั่ว เกิดแล้วดับ ทีแรกก็เห็นแต่ละอย่างเกิดแล้วดับ แต่ละอย่างเกิดแล้วดับ ตอนที่จะได้มรรคได้ผล มีปัญญารวบยอด จิตทุกชนิดเกิดแล้วดับ ไม่ใช่จิตโลภ จิตโกรธ จิตหลง เกิดแล้วดับ เหมือนที่ตอนที่ฝึกหรอก มันรู้ว่าทุกสิ่งที่เกิดมันดับทั้งสิ้น ค่อยๆ ฝึก วัดใจตัวเองให้ออก แล้วเราจะได้ของดีของวิเศษ ของดีของวิเศษไปขอใครไม่ได้ ต้องทำเอาเอง หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 24 กุมภาพันธ์ 2567
view more