คนเราชีวิตไม่แน่นอนจริงๆครับ บางครั้งก็มีปัญหามารุมเร้าเราจนเราล้มหมอนนอนเสื่อไปก็มี วันนี้ก็เลยอยากจะมาชวนคุยเรื่องการหยุดพักครับ
ช่วงที่ผ่านมา ผมไม่ได้ทำ Podcasts หรือ วีดีโอเลย ก็เพราะว่า ผมหยุดพักไปครับ แล้วก็เป็นที่มาของ Episode นี้ หลักๆเลยที่หยุดพัก เพราะว่า จำเป็นต้องหยุดพักครับ ถ้าไม่หยุดพัก เราอาจจะไม่ได้มาคุยกันใน Episode นี้ครับ
จริงๆ ถึงจะบอกว่าหยุดพัก แต่ก็ไม่ได้หยุดแบบนั่งๆ นอนๆ แบบนั้นครับ เพียงแต่ เราตัดกิจกรรมที่ต้องทำ ให้เหลือเพียงกิจกรรมที่จำเป็นต่อ การดำรงชีพพอ พูดง่ายๆ คือ ทำงานให้น้อยที่สุดครับ
แต่คำถามที่ถามมา ผมก็ตอบอยู่ทุกวันครับ บางคำถามอาจจะช้าหน่อย เพราะว่าต้องไปเทสหาคำตอบมาครับ
สุดโต่งเกินไป ทำงานหนักเกินไปก็ไม่ดี
ก่อนอื่นผมต้องบอกว่า ผมเป็นคนนึงที่เชื่อว่า การทำงานหนักจะทำให้เราประสบความสำเร็จครับ และ สังคมเราก็ถ่ายทอดเรื่องการประสบความสำเร็จ จากการทำงานที่หนัก ผ่านร้อนผ่านหนาว มามากจริงๆ
ที่ผ่านมาผมเลยจัดหนักมากครับ ทำจนไม่ได้ดูแลสุขภาพเท่าไร ไม่ใช่ว่า เราไม่อยากอดทนสู้กับมันนะครับ แต่มันไม่ไหวครับ คนเราก็เป็นแบบนี้จริงๆครับ ถ้าไม่เจ็บปวด ก็คงยังไม่รู้ตัว และ ยังคิดไม่ได้
ทุกวันนี้เลยต้องปล่อยวาง ปล่อยบางสิ่งบางอย่างไปบ้าง แล้วกลับมาคิดทบทวนว่า เราทำอะไรได้บ้าง
พอหันกลับมามองตัวเอง ก็รู้สึกแปลกใจครับ ผมเองเคยมีความคิดว่า การหยุดพัก เท่ากับ เราขี้เกียจ บางคนหนักกว่านั้นครับ คิดไปถึงว่า คู่แข่งเขาจะทำอะไรบ้าง เราจะตามเขาทันไหม แต่นี่เป็นภาพที่เราสร้างหรือมโนขึ้นเองครับ เพื่อให้เป็นข้ออ้างในการทำงานหนัก จนนำไปสู่อาการ บ้างานหรือ Workaholic ครับ ทั้งๆที่จริงแล้ว เรารู้ตัวเราดีว่าเราขี้เกียจหรือไม่ และ เรากำลังทำอะไรอยู่ ที่สำคัญที่สุด เราควรเดินสายกลางครับ หยุดพักบ้างไม่เป็นไร แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องกลับมาทำงาน จะหยุดตลอดไปก็ไม่ได้ จะทำงานตลอดไปก็ไม่ได้เช่นกัน
บางครั้ง หนักกว่านั้นครับ คิดว่าการหยุดพัก เป็นความผิด ไปกันใหญ่เลยครับ ขนาดเครื่องจักร เครื่องคอมพิวเตอร์ ทำงานหนัก ยังร้อนและแฮงค์ได้ แล้วคนเราล่ะ หยุดพักบ้างจะเป็นอะไรไป
ในสังคมปัจจุบันของเรา มีศัพท์ใหม่ ที่เรียกว่า โรคบ้างาน หรือ Workaholic ครับ เป็นคำที่ใช้กับคนที่ เมื่อไรก็ต้องทำงาน ซึ่งผมเคยเป็นแบบนั้นครับ แต่ขอเตือนไว้เลยครับว่า ใส่ใจความรู้สึก ของตัวเอง สภาพร่างกายของตัวเอง และ คนที่เรารักบ้างเถอะ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
ความเชื่อแบบใหม่ที่เกิดขึ้นมา
แทนที่จะบอกว่า เราต้องการประสบความสำเร็จ เราย้อนกลับมามองว่า เราต้องการอะไรในชีวิต อะไรที่ทำให้เรามีความสุขในชีวิต แล้วเราจะพอที่ตรงไหน สิ่งนี้เป็นความเชื่อใหม่ ที่เกิดขึ้นมาระหว่างหยุดพักครับ
ผมเองก็เหมือนกับหลายๆ ท่าน เริ่มต้นจาก ศูนย์ เป็นมนุษย์เงินเดือนมาก่อน รับจ็อบ เขียนโปรแกรมทำโน่นทำนี่มากมาย ที่ทำไปทั้งหมด ขั้นแรกเราต้องทำเพื่อความอยู่รอดครับ
ขั้นที่สอง เราต้องมีเงินครับ เราปฎิเสธไม่ได้ครับว่า เราต้องมีเงินเพื่อประทังชีวิต ถ้าเรามีเงินสักหน่อย เราก็จะรู้สึก Safety ครับ และ พอเรามีเงินขึ้นมาบ้าง เราก็สามารถลงทุนกับความรู้ได้ และ ขยับขยายตัวเองได้
ขั้นต่อมาคือ เราต้องรู้ตัวเองว่าเราต้องการอะไรในชีวิต ต้องการทำอะไร ถ้าวันนี้ยังทำไม่ได้ ก็ทำเป็นงานอดิเรกก่อน แต่ถ้าวันนี้ทำได้เลย ก็ลงมือทำ เราไม่ต้องห่วงว่า คนอื่นจะคิดกับเราอย่างไรเลย เพราะทุกอย่าง ก็จะมีคนทั้งเห็นด้วย เห็นต่าง แล้วก็เฉยๆ อยู่แล้ว ดังนั้น อยากทำอะไร ก็ทำได้เลย ไม่ต้องคิดมาก ขอแค่เป็นสิ่งที่ไม่ทำให้ใครในสังคมเดือดร้อนก็พอ เพราะชีวิตคนเรานั้น สั้นนิดเดียวครับ สักวันหนึ่งเราก็ต้องจากไป สิ่งที่เหลือไว้คือสิ่งดีๆ ที่เราเคยทำครับ
อย่างมากก็แค่เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
แล้วถ้าเราทำอะไรแล้วมันไม่สำเร็จล่ะ ผมชอบคำนี้มากครับ "อย่างมาก ก็แค่เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง" คำพูดนี้เมาจากหนังจีนเรื่อง "King Avatar" ครับ ที่ตัวเอก เป็นเทพแห่งเกมส์ Glory เลย แล้วจู่ๆ ก็ถูกปลด จนตัวเองลาออก แล้วมาเริ่มต้นใหม่
ทุกอย่างกลับไปเริ่มต้นใหม่ได้ แต่ทุกครั้งที่เราเริ่มต้นใหม่ เราก็จะแข็งแกร่งขึ้นเสมอ ตอนที่ผมลาออกจากงานประจำมา เราก็คิดว่า ถ้าไม่ไหว ก็กลับไปทำงานประจำ เชื่อไหมครับว่า มันมี moment ที่กำลังบอกเราว่า ไม่ไหวจริงๆ แต่ตอนนั้น เราก็มีความรู้สึกอีกอย่างครับ เรารู้ว่า มันน่าจะทำได้ เราก็ฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้งครับ
จากเลขตัวแดงในบัญชี ก็ค่อยๆ กลายเป็นตัวดำ และกลายเป็นบวกได้ในที่สุด ตอนนั้นผมบอกกับตัวเองว่า ทำทำไม่ได้ คงต้องสมัครงานแล้ว มันไม่มีอะไรน่ากลัวครับ
ตอนนี้เสียดายไหม
หากถามว่าตอนนี้เสียดายไหม ยิ่งช่วงที่เศรษฐกิจ Down อย่างนี้ด้วย ก็มีคิดถึงตอนที่กินเงินเดือนบ้าง ว่าสบายกว่าตอนนี้เยอะเลย แต่ปัจจุบันเราก็มีความสุขมากกว่า เพราะ เราได้ทำสิ่งที่เราอยากทำมากกว่าตอนที่กินเงินเดือนเยอะเลย
ตอนนี้ถามว่าจะกลับมาทำงานหนักอีกไหม คำตอบของผมอาจจะเปลี่ยนไป ผมต้องคิดก่อนว่า ที่บอกว่าจะต้องทำงานหนัก เราทำไปเพื่ออะไร และ จำเป็นที่จะทำไหม ที่สำคัญที่สุด เราหยุดพักบ้างไม่เป็นไร แค่กลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง