รูปแบบอะไรก็ตาม ที่เราเคยฝึกๆกันมานี้..ไม่ใช่เป้าหมาย เป็นแค่เพียงอุปกรณ์ฝึกเท่านั้นเอง ว่าทำยังไงให้จิตนั้นตื่นขึ้นมารับรู้อารมณ์ได้ เหมือนเราตื่นออกจากง่วงนอน ตื่นออกจากความฝัน จะสร้างจังหวะ เดินจงกรม หรือจะภาวนาวิธีใดก็ตาม เค้าต้องการไปปลุกจิตให้ตื่นขึ้นมารับรู้อารมณ์เท่านั้นเอง จะไปรู้ลมหายใจ แล้วจิตมันตื่นออกจากความคิด ออกจากอารมณ์ได้ ก็ไม่เป็นไร ตื่นออกจากอาการของโลกใบนี้ได้ ไม่ให้จมอยู่ เวลาภาวนาวิธีนี้คือให้สนใจแค่ว่า อาการสดๆ จริงๆ ก่อนเคลื่อนไหวไม่เอา หลังเคลื่อนไหวไม่เอา เอาที่กำลังเคลื่อนไหวเป็นหลักเลย เราต้องการ อารมณ์ปัจจุบัน คุ้นชินกับการรู้ การกระทบสัมผัสของชีวิตอยู่เรื่อยๆ เพราะในจังหวะของการเกิด เวลาเราสังเกตุเห็น จังหวะของการกระทบสัมผัสนี่ล่ะ สติจะเกิดขึ้น หรือความหลงจะเกิดขึ้น ก็อยู่จังหวะนี้ล่ะ จังหวะของการที่อะไรมากระทบปุ๊บ เรารู้จัก อวิชชา เป็นปัจจัยให้เกิด สังขาร สังขาร เป็นปัจจัยให้เกิด วิญญาณ วิญญาณ เป็นปัจจัยให้เกิด นามรูป นามรูป เป็นปัจจัยให้เกิด สฬายตนะ สฬายตนะ เป็นปัจจัยให้เกิด ผัสสะ ผัสสะ เป็นปัจจัยให้เกิด เวทนา เวทนา เป็นปัจจัยให้เกิด ตัณหา จังหวะที่หก เราให้ทันผัสสะ กับเวทนา มันจะทำให้เราตื่น แล้วจะไม่ต่อไปสู่อันอื่นต่อไปเป็นภพ เป็นชาติ ชรา มรณะไปอีก แต่มันจะกลายเป็นวิสังขารทันที เป็นสติปัญญาทันที จังหวะที่มันกระทบนี่มันต้องมีอยู่แล้ว แต่กระทบแล้วเรารู้ หรือเราหลง นี่ต่างหากคือสิ่งที่เราต้องทำ การเคลื่อนไหวนี่ เป็นการกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ปัจจุบันให้ได้ . ~ . “ ปัจจุบัน ” ไม่มีนะ.. แต่สิ่งที่มีคือ ความเป็นขณะหนึ่ง คนใดสัมผัสความเป็นขณะหนึ่ง ๆ คนนั้นเริ่มสัมผัสความเป็นปัจจุบัน ธรรมเทศนาโดยพระอาจารย์กระสินธุ์ อนุภัทโท
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563 ตอนบ่าย
ณ บ้านจิตสบาย พุทธมณฑลสาย 2
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ติดตามรับฟัง..สาธุ
ช่องทางอื่นๆในการรับฟังธรรมะ
YouTube, FaceBook พระอาจารย์กระสินธุ์
Podcast : รู้ขณะเดียว