Q : บางทีหนูก็สงสัยว่าตัวเองยังเป็นชาวพุทธอยู่มั้ย หนูจะไม่เชื่อเรื่องของบุญบาป แต่หนูจะเชื่อว่า เรามีแค่ทำดีกับทำไม่ดี, หนูก็ไม่เชื่อเรื่องเราสามารถมีชาติหน้า ... และคิดว่าเรามีชาติเดียวใช้แล้วก็จบ
A : คำตอบที่ดีที่สุดภายใต้การเชื่อแบบนี้ นำเราไปสู่อะไร
นำเราไปสู่แบบไหน นำเราไปสู่พฤติกรรมอะไร
... นั่นคือคำตอบที่ดีที่สุด
ทุกความเชื่อที่เรามี มันมีสาระอยู่เรื่องเดียว ...
‘มันนำเราไปสู่อะไร’
ในหลักกาลามสูตร 10 อย่าง ของพระพุทธเจ้า
อย่าเพิ่งเชื่อด้วยเขาบอกกันว่า, ด้วยตำรา, ด้วยคนนั้นเล่า,
ด้วยคำพูดน่าเชื่อถือ ด้วยสารพัดอย่าง 10 อย่าง
ช่วงท้ายบทพึงพิจารณาว่า เหตุการณ์ที่เกิดเฉพาะหน้า
อะไรนำไปสู่กุศล อะไรนำไปสู่อกุศล
สิ่งใดนำไปสู่กุศล และ ทำให้ชีวิตเจริญขึ้น .. พึงเลือกทำสิ่งนั้น
อะไรที่นำไปสู่อกุศล นำไปสู่ความเดือดร้อนแห่งชุมชน ผู้คนและตัวเรา .. พึงละสิ่งนั้น
ฉะนั้นภายใต้ความเชื่อเหล่านี้ .. เราจำเป็นต้องเป็นชาวพุทธมั้ย
ไม่เห็นจำเป็นต้องแปะป้ายยี่ห้อตัวเองเลย
สำคัญที่ว่าภายใต้การมีความเชื่อแบบไหน หรือไม่มีความเชื่อแบบไหน
นำเราไปสู่พฤติกรรม การกระทำแบบไหนต่างหาก
ถ้าเรายังไม่ได้เชื่อว่า บาปบุญมันมีหรือไม่มี
เราก็ค่อยพิจารณากับเหตุปัจจัยของชีวิตที่จะนำไปสู่ด้านกุศล
ทำให้ชีวิตเจริญขึ้น ไม่เดือดร้อนผู้คนรอบข้าง ... ใช้ได้
แต่ถ้าภายใต้ความเชื่อนี้ ...
นำเราไปสู่พฤติกรรมแห่งการใช้ชีวิตที่จมอยู่กับอกุศล
ความโกรธ ความพอใจ ไม่พอใจ
โดยที่เราไม่เชื่อเลยว่าเกิดแล้วมันจะตาย
นรกก็ไม่มี สวรรค์ก็ไม่มี
เราเลยใช้ชีวิตแบบสุดโต่ง ในการที่จะเบียดเบียน
ศีลก็ไม่มี อะไรก็ไม่มี แล้วนำไปสู่พฤติกรรมแบบนี้
ลองคิดว่าสังคมจะเป็นยังไง ลองคิดว่าผู้คนรอบตัวเราจะเป็นยังไง
ถ้าผู้คนมีความเชื่อประเภทนี้ .. เราทุกคนก็จะมีวิวัฒนาการแบบ ยังไงล่ะ...
เราเห็นหมามันอยู่ด้วยกันมั้ย
เห็นสิงสาราสัตว์แต่ละฝูงอยู่ด้วยกันมั้ย
มันไม่ได้มีศาสนานะ มันมีแต่สัญชาตญาณ
ถ้าความเชื่อนั้นพัฒนาเราเกินจากสัญชาตญาณได้ .. พึงใช้
แต่ถ้าความเชื่อนั้นนำเรากลับไปสู่การตอบสนองต่อสัญชาตญาณ
ไม่ต่างจากสิงสาราสัตว์
ความเชื่อนั้น .. แม้ดีแค่ไหน .. ก็ไม่ควร
เพราะไม่ได้ทำให้สังคม และผู้คนเจริญเติบโตขึ้นได้
เมื่อใดก็ตามที่เราสงสัยกับตัวเอง
อย่าเพิ่งสรุปบทกับมัน ว่ามันมีจริงหรือไม่มีจริง
ค่อยๆถอยกลับมา .. ดูพฤติกรรมแล้วก็การเลือกกระทำ
ภายใต้ความเชื่อนั้นว่า .. อะไรที่พัฒนาไปได้ นำไปสู่อะไร ..
ถ้าพฤติกรรมที่เรากระทำ ณ ปัจจุบัน
มันส่งผลไปแค่ภพชาตินี้ มันก็โอเค
แล้วถ้าเกิดมันมีจริงล่ะ ลองเผื่อใจไว้สักนิดนึง
... ต้นไม้ต้นนี้ เมื่อมันตาย อาจจะไม่แน่เสมอไปว่า
มันดับสูญลงจากต้นไม้ต้นนั้น
พันธะแห่งมันอาจจะเป็นพันธะใหม่ เป็นต้นไม้อื่นก็ได้ ...
เรายังไม่ใช่ผู้รู้แจ้งในรูปทั้งหมด ในวัตถุทั้งหมด
เราไม่ใช้ผู้รู้แจ้งในนามทั้งหมด
แค่ภายในเราเอง .. อารมณ์ที่เกิดกับเราเอง
เรายังไม่รู้แจ้งกับมันเลย เรายังไม่รู้จักกับความโกรธทุกชนิดในตัวเราเลย
แล้วเราจะตอบคำถามนี้ได้อย่างไร .. ว่ามันมีหรือไม่มีอย่างแท้จริง ใช่มั้ย
ฉะนั้น เหลือพื้นที่ของความเชื่อชนิดนี้เอาไว้เช่นนั้นก่อน อย่าเพิ่งสรุปผล
เปลี่ยนตัวเองจากเป็นนักเชื่อ นักสรุปผล .. มาเป็นนักศึกษาซะ
ถ้าเราอยากรู้มากขึ้น เราก็ใช้วิธีการศึกษามากขึ้น
จากพุทธศาสนาสอนว่า บุญ บาปกรรม ชาติภพ มีจริง .. ลองศึกษากับมัน
พระพุทธศาสนาสอนเรื่อง.. เรา .. เราหนึ่งคน
อดีตของเราคือ สิ่งที่กำลังเกิดและผ่านไปจากเรา ณ ปัจจุบัน
อนาคต คือ สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้
นั่นเรา ณ ตอนนี้ นี่คือตัวตนแห่งพุทธะแท้ๆ
สิ่งที่เกิดกับเราคนหนึ่ง เมื่อใดก็ตามที่เรา...
เราไม่ต้องมีความเชื่อก็ได้นะ เรื่องนี้
แต่ถ้าเราค่อยๆย้อนกลับมา แล้วค้นหาว่าอะไรคือ เรา
ความโกรธเกิดขึ้นได้อย่างไร ความเชื่อเกิดขึ้นได้อย่างไร
ความไม่พอใจ เกิดขึ้นได้อย่างไร
ความคิดเกิดขึ้นได้อย่างไร ชีวิตของเราคืออะไร
เมื่อใดก็ตามที่เราถอยกลับมา ค่อยๆค้นหา แล้วเราได้คำตอบ
อ้อ! เราตื่นจากความคิดเป็น
ออกมาสัมผัสกับความคิด ‘ว่าเรา’ จริงๆจังๆเป็น
เมื่อนั้นไม่ต้องแปะป้ายยี่ห้อพุทธศาสนาเลย
พุทธศาสนาจริงๆ อยู่ในตัวคนทุกคน
ทุกคนเป็นพุทธะในตัวเอง และพุทธะนี้ไม่ใช่ลิขสิทธิ์ของพุทธศาสนา
... เมื่อใดที่คุณออกจากความคิด ออกจากความเชื่อ
มาเป็นผู้ที่ศึกษาและเข้าใจ เข้าใจตัวเราอย่างถ่องแท้
เมื่อนั้นพุทธะในตัวเราจะเกิด
เมื่อนั้นแหละพุทธศาสนาแท้ๆที่เกิดขึ้นในตัวคุณ
มันจะเกิดขึ้น เท่านั้นเอง .. ไม่จำเป็นต้องเป็นชาวพุทธ ไม่จำเป็น ..
อย่าเพิ่งสรุปว่าเราไม่เชื่ออะไร
เพราะการสรุปว่าเรายังไม่เชื่ออะไร กลายเป็นความเชื่อชนิดหนึ่ง
เราเชื่อว่า ..เราไม่เชื่ออะไร.. เป็นความเชื่อชนิดหนึ่งนะ
แต่การพ้นจากความเชื่อมาได้ คือ เรายังไม่สรุป แต่เราพร้อมจะศึกษา
อ้อ!! พุทธศาสนากล่าวว่า เรื่องกายเรื่องใจคือแบบนี้
และค่อยๆทำ ค่อยๆศึกษาไป
ด้วยกระบวนการนี้ อาตมาเชื่อมั่นว่า
ภายใต้ชุดความรู้พระพุทธเจ้า
มันทำให้เราสามารถเข้าใจอารมณ์ที่เกิดขึ้น
และเราสามารถเป็นอิสระเหนือมันได้
และเราจะเข้าใจว่าจริงๆแล้ว เรา คือ อะไร ได้
... หลังจากทุ่มเทเวลากับการใช้วิชานี้ ทดลองศึกษาจนได้ผล
จนเข้าใจ สิ่งที่เค้าพูดว่า..
เรื่องนี้ มันคือ อารมณ์นี้ มันคือสิ่งนี้ มันคือขบวนการนี้
พุทธะมันคือสิ่งนี้ ศาสนามันคือสิ่งนี้
สาระจริง ตัวแทนจริงคือสิ่งนี้
.. เมื่อตัวเองเข้าใจ ก็บอกสิ่งนี้กับทุกคน
เพราะปัญหาของคนเราน่ะ มีซ้ำๆกันทั้งนั้น
ถ้าไม่โกรธก็เกลียด ไม่พอใจ พอใจไม่พอใจ
มันจะมีอยู่ไม่กี่เรื่องที่มนุษย์เราเป็นกัน
แต่วิธีการที่จะข้ามพ้น และเป็นอิสระที่เกิดจากประสบการณ์ของเรา
ที่เกิดจากที่เราเข้าใจ เข้าถึง และได้ประโยชน์ .. เราก็นำสิ่งนี้มาบอกต่อ
ถึงจุดหนึ่งเราก็อาจจะนำสิ่งนี้ส่งต่อผู้คน ต่อสิ่งรอบข้างก็ได้
โดยไม่ต้องแปะป้ายยี่ห้อหรอก ไม่ต้องแปะเลย
เปิดใจให้กว้างๆ พร้อมที่จะเรียนรู้ดีที่สุดนะ
คอร์สอบรมจริยธรรมวิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก
ธรรมเทศนาโดย พระมหาราเชน สุทธจิตโต
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 ช่วงค่ำ ณ ครุสติสถาน
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ติดตามรับฟัง..สาธุ
ช่องทางอื่นๆในการรับฟังธรรมะ
YouTube, FaceBook พระอาจารย์กระสินธุ์
Spotify : รู้ขณะเดียว
Create your
podcast in
minutes
It is Free