31 ก.ค. 64 (เย็น - เปิดรับด้วยใจที่เป็นกลาง : ลองทำใจให้กว้าง เรียกว่าใจกว้างก็ได้ ใจกว้างรับรู้อารมณ์ต่างๆที่เข้ามา แล้วไม่ใช่อารมณ์ที่เกิดขึ้นในใจรวมถึงสิ่งที่ปรากฏภายนอก เช่น เสียง ความร้อนความหนาว เปิดรับหรือยอมรับด้วยใจที่เป็นกลาง แล้วเราจะพบว่าความทุกข์ ความหงุดหงิด หรือความโกรธที่เกิดขึ้น มันก็จะบรรเทาเบาบางไป
เพราะที่จริงแล้วความทุกข์ที่เกิดขึ้น มันเกิดจากใจที่ผลักไส ไม่ใช่แค่ผลักไสอารมณ์ที่เกิดขึ้นในใจ รวมทั้งสิ่งที่กระทบจากภายนอกไม่ว่าจะเป็นรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส เป็นเพราะใจไม่ได้เป็นกลางต่อสิ่งนั้น แต่ไปผลักไสมัน จึงเกิดความทุกข์ อย่างเช่นเสียง เสียงหมาเห่า เสียงมอเตอร์ไซค์
ถ้าหากว่าวางใจเป็นกลางต่อสิ่งนั้น มันไม่ทุกข์หรอก แม้ว่าเสียงจะดังระคายโสตประสาทแต่ใจไม่ทุกข์ แต่พอใจไปผลักไสมัน ความทุกข์เกิดขึ้นเลย ในขณะที่ใจบ่นตีโพยตีพาย ก็ไม่เห็นอาการโวยวายในใจ เพราะว่ามาจากการผลักไสต่อสิ่งที่มากระทบ
เพราะฉะนั้น ถ้าวางใจเป็นกลางต่อสิ่งที่มากระทบ ไม่มีการตัดสินว่าดีหรือชั่ว ถูกหรือผิด ใจมันจะวาง แต่ถ้าผลักไสมันเมื่อไหร่ มันจะเกิดการยึดทันที เกิดการจดจ่อขึ้นมาทันทีเลย ยิ่งไม่ชอบ ยิ่งผลักไสสิ่งใด ยิ่งจดจ่อสิ่งนั้น แล้วมันก็เกิดความหงุดหงิด โทสะขึ้นมา อาการหงุดหงิด โทสะเกิดขึ้นแล้วยังไม่เห็นอีก คือเห็นแล้วก็พยายามกดข่มมัน แต่ไม่สำเร็จก็ยิ่งทุกข์ ยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่ แต่พอเราวางใจเป็นกลางต่อสิ่งนั้นได้ เราก็จะพบกับความโปร่งความเบา ซึ่งก็เป็นความสงบอีกอย่างหนึ่งซึ่งอาจจะไม่เคยพบจากการที่พยายามปิดกั้นหรือผลักไสอารมณ์ต่างๆ การที่เราจะเห็นอารมณ์ต่างๆเหล่านี้ แล้วก็รู้ทันอารมณ์เหล่านี้ รวมทั้งวางใจเป็นกลางกับสิ่งเหล่านี้ได้
มันต้องอาศัยทั้งสติและสัมปชัญญะหรือว่าความรู้ตัว ถ้าหากว่ามีความรู้ทันหรือมีความรู้ตัว ความสงบก็จะเกิดขึ้นได้ การปล่อยวางมันก็สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ และเมื่อปล่อยวาง ความทุกข์เพราะแบกเพราะยึดมันก็จะหมดไป
ให้เราลองฝึกแบบนี้ดูบ้างถึงแม้ว่าจะไม่คุ้นเคย แต่ว่าถ้าเราทำบ่อยๆ เราก็จะพบว่ามันเป็นวิธีที่จะเกี่ยวข้องกับทุกข์ได้ดี ก็อย่างที่บอก จริงๆแล้ว ทุกข์ไม่น่ากลัว แต่ที่น่ากลัวคือการที่ไม่รู้ทุกข์ หรือไม่เห็นทุกข์ อันนี้น่ากลัวกว่า