7 ส.ค. 64 (เช้า) - ภาวนาคือการปล่อยวาง : เวลาเราลงมือภาวนา ลองสังเกตดูว่าเรามีความอยากจะให้จิตสงบไหม หรือขณะที่กำลังปฏิบัติอยู่มันมีความอยาก ตอนเริ่มไม่มีความอยาก แต่พอปฏิบัติไป มันมีความอยาก พออยากให้จิตสงบ มันก็เริ่มเข้าไปควบคุมจิตแล้ว มันก็เริ่มเข้าไปควบคุมความคิดแล้ว ถึงตอนนี้ก็จะไม่ยอมปล่อยไม่ยอมวางแล้ว จะไล่บี้ความคิดให้ได้ จัดการกับอารมณ์ แทนที่จะปล่อยให้มันเกิดขึ้น
หน้าที่ของเราคือ ดูมัน แล้วก็เห็นมันอย่างที่มันเป็น เห็นอาการของมันว่า เป็นเช่นนั้นเอง ยอมรับความเป็นจริงของมัน ยอมรับว่ามันเกิดขึ้นที่ใจ ไม่ใช่แค่ยอมรับอย่างเดียว เห็นมันด้วย เห็นมันอย่างที่มันเป็น เห็นมันตามความเป็นจริง ตรงนี้แหละที่จะทำให้ได้เห็นถึงธรรมชาติหรือว่าสัจธรรมที่มันแสดงออก คือ ไม่เที่ยง แล้วก็ตั้งอยู่ไม่ได้ เสื่อมดับไป แล้วก็ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา ความคิดก็ไม่ใช่เรา
ถ้ามีสติเห็น ความโกรธก็ไม่ใช่เรา แต่ถ้าไม่มีสติคิดว่าเป็นเรา ความโกรธเป็นของเรา ก็หลงเชื่อมัน หลงประคบประหงมมัน หลงหวงแหนมัน ไม่ปล่อยไม่ว่างสักที แต่ถ้าเห็น เห็นแบบด้วยใจที่เป็นกลาง มันก็จะเห็นอย่างที่มันเป็น การเห็นสิ่งต่างๆตามความเป็นจริงนี่แหละ มันจะนำไปสู่การปล่อยวางในที่สุด ซึ่งเป็นจุดหมายสุดท้ายของการภาวนา
เพราะฉะนั้นเตือนตนอยู่เสมอว่า ภาวนานั้นเพื่อปล่อยเพื่อวาง ไม่ใช่เพื่อเอา ไม่ใช่เพื่อได้ ถ้าไม่เข้าใจ มันก็จะผิดทิศผิดทาง แล้วก็เกิดความเครียดด้วยเกิดความทุกข์ด้วย