8 ส.ค. 64 (เย็น) - รู้ทันความอยาก : คนสงสัย ถ้าไม่มีความอยาก แล้วมันจะทำได้หรือ คนเรามีเหตุผลทำอะไรต่ออะไรหรือมีเหตุปัจจัยทำอะไรต่ออะไรได้มากมายนอกจากความอยาก ความอยากในที่นี้หมายถึงอยากจะได้โน่นได้นี่
มีความอยากชนิดหนึ่ง คือความอยากทำเรียกว่าฉันทะ อันนี้ดีมากเลย ถ้าเรามีความอยากทำเพราะว่าเราเห็นว่ามันมีคุณค่า เราก็ทำมันได้ต่อเนื่อง มันจะได้ผลอย่างไรก็ไม่เป็นไร อยากทำมันต่างจากอยากได้ อยากได้เป็นปัญหา แต่อยากทำเป็นฉันทะ และยิ่งถ้าเกิดเราได้รับความสุขจากการปฏิบัติ มันก็ช่วยหล่อเลี้ยงการปฏิบัติไปได้ต่อเนื่องไปได้เรื่อยๆ
อย่างที่พูดเมื่อเช้า ความสุขเป็นตัวหล่อเลี้ยงความดี ความสุขก็เป็นตัวหล่อเลี้ยงการปฏิบัติ ทำให้เกิดความอยากทำ แล้วพอทำไปเรื่อยๆมันกลายเป็นความคุ้นเคย กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและกลายเป็นเรื่องง่าย เหมือนกับที่ทุกวันเราต้องตื่นเช้ามาแปรงฟัน อาบน้ำ แต่ก่อนนั้นพ่อแม่ต้องเคี่ยวเข็ญให้ทำ แต่ตอนหลังเรายินดีทำ เพราะเห็นคุณค่า มันเกิดฉันทะขึ้นมา และทำจนกระทั่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
การภาวนาก็เป็นอย่างนั้น ไม่จำเป็นต้องทำด้วยความอยากได้ มันมีความอยากอย่างอื่นที่สามารถจะเกื้อหนุนการปฏิบัติ รวมทั้งเหตุปัจจัยอย่างอื่นด้วย เพราะฉะนั้นให้รู้เท่าทันเวลามีความอยากเกิดขึ้น โดยเฉพาะอยากได้ความสงบ อยากบรรลุมรรคผลนิพพาน ก็รู้ทันมัน แต่ว่าอย่าปล่อยให้มันเข้ามาครอบงำใจเพราะมันจะทำให้เคลื่อนออกจากการภวานาที่ถูกต้องได้