14 ส.ค. 64 (เย็น) - สร้างสมดุลให้ชีวิต : เวลาที่คนเราทำประโยชน์โดยเฉพาะในยามนี้ ที่มีคนจำนวนมากกำลังทุ่มเทเสียสละมากเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย covid ซึ่งมันก็ล้นโรงพยาบาล โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลสนาม หลายคนทำงานหนัก อันนี้เรียกว่าประโยชน์ท่าน แต่ว่าถ้าไม่มีการรักษาใจให้สงบเย็น มันก็จะเกิดอาการที่เรียกว่าเสียศูนย์ได้ง่าย ถึงเวลาพัก ใจไม่ยอมปล่อยไม่ยอมวาง หรือว่าเวลาพักก็ยังรู้สึกผิดว่า เราจะมาพักผ่อนได้อย่างไร ยังมีคนป่วยอีกตั้งเยอะแยะ
หรือว่าบางทีปล่อยวางไม่ได้เพราะว่ายังมีคนไข้อีกหลายคนที่เสียชีวิต หรือบางทีก็เกิดความคับแค้น เพราะว่าอุปกรณ์ขาดแคลน เพราะเหตุต่างๆมากมาย จิตใจรุ่มร้อน จิตใจว้าวุ่น กายก็เหนื่อยแล้วใจยังเหนื่อยล้าตามไปด้วย มันก็ยิ่งซ้ำเติม ทำให้สุดท้ายหมดพลัง ทำต่อไม่ได้ เสียศูนย์ไปเลย ภาษาฝรั่งเรียกว่า burn Out บางคนแปลว่า จิตสลายไปเลย
เพราะฉะนั้น จะบำเพ็ญประโยชน์ได้ ก็ต้องอาศัยการรักษาจิตให้มีความสงบ ซึ่งหมายถึงการมีสมาธิ การรู้จักปล่อยวางหรือว่า การที่สามารถเข้าถึงความเย็นในจิตใจ มีน้ำมาช่วยชโลมใจให้ต่อเนื่อง แต่ถ้าสงบเย็นแล้วไม่บำเพ็ญประโยชน์ อันนี้มันก็ไม่ถูกเหมือนกัน มันก็อาจจะกลายเป็นความเห็นแก่ตัวแฝงเร้นโดยไม่รู้ตัวก็ได้ จะสงบเย็นอย่างแท้จริงโดยปราศจากซึ่งความเห็นแก่ตัว หรือว่ามีความเห็นแก่ตัวเบาบาง หรือกิเลสเบาบาง ถึงจะเป็นความสงบเย็นที่แท้
ซึ่งจะทำอย่างได้นั้น ต้องอาศัยการขัดเกลา วิธีขัดเกลาก็คือการทำประโยชน์เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น มันก็ช่วยขัดเกลาความเห็นแก่ตัว และมันก็ช่วยเพิ่มพูนกรุณา ช่วยขยายใจให้เปิดกว้าง พอมีกรุณามีเมตตา ก็เกิดความสงบเย็นได้ง่าย อันนี้เป็นเรื่องของความสมดุลที่เราต้องมี และประคองรักษาเอาไว้
เพราะฉะนั้น ถ้าเราจะรักษาความสมดุลให้เกิดขึ้นได้ ไม่ว่ากับการปฏิบัติธรรม หรือว่าการทำงาน หรือว่าการดำเนินชีวิต การที่เราจะเกิดความสุขและสามารถจะตั้งมั่นบนทางสายกลาง มันก็จะเป็นไปได้ง่าย ถ้าชีวิตไม่มีความสมดุลแล้ว มันเป๋ไป มันขาดความพอดีไป การที่จะก้าวอย่างมั่นคงบนทางสายกลาง มันก็เป็นไปได้ยาก เรียกว่าสะดุด หรือว่าลุ่มๆดอนๆ หรือว่าเพี้ยนไปทางสุดโต่งไม่ขั้วใดก็ขั้วหนึ่ง เพราะฉะนั้น ทางสายกลางก็ดี ความพอดีก็ดี ความสมดุลก็ดี มันเป็นสิ่งที่เราต้องรู้จัก ทำความเข้าใจ และปฏิบัติให้เกิดผล มันถึงจะเกื้อกูลกัน