บรรยายเมื่อ 11-12-2564
284.การปฏิบัติธรรมอยู่ที่ไหน
เรายังรู้สึกอยู่ไหมว่าการปฏิบัติธรรมนั้นเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งของชีวิต
ถ้ามันเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งของชีวิตแปลว่า ชีวิตนี้จะมีอีกหลายกิจกรรมนอกจากการปฏิบัติธรรม นั่นแปลว่าการปฏิบัติธรรมนั้นถูกแยกส่วนไปเป็นส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งของชีวิตนี้ นั่นแปลว่าคำพูดที่เราเคยได้ยินว่าให้หลอมรวมการปฏิบัติเข้าไปในชีวิตให้ได้เป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นกับชีวิตนี้
ในความเป็นจริงมันไม่ใช่การหลอมรวมการปฏิบัติเข้าไปในชีวิตนี้ให้ได้ แต่มันเป็นความเข้าใจชีวิตนี้อย่างลึกซึ้งว่า #ชีวิตนี้นั้นเป็นการปฏิบัติธรรมอยู่แล้ว ชีวิตกับการปฏิบัติธรรมนั้นคือสิ่งเดียวกัน แยกจากกันไม่ได้ แยกเป็นของ 2 อย่างไม่ได้
ถ้าการปฏิบัติธรรมนั้นถูกแยกออกเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่เราจะทำ สิ่งที่ถูกแยกออกได้นั้นเป็นได้แค่อย่างเดียวคือความคิด คือไอเดีย คือสิ่งที่เราจะไปถึง คือเป้าหมาย คือการที่เราพยายามจะไปถึงอีกที่หนึ่ง #และเราไม่รู้จักที่นี่ เรามองข้ามที่นี่ไป ไปทำอีกอย่างหนึ่งเพื่อจะไปถึงอีกที่หนึ่งของกิจกรรมนั้น
เราปฏิบัติธรรมอย่างตื้นเขินที่เราจะเห็นแค่กิเลส เห็นแค่สภาวธรรม เราเห็นทุกอย่างแบบแยกส่วน เราเห็นตามทฤษฎี เราเห็นตามคำสอน เราเห็นตามคำบอกกล่าว และเราทำแค่นั้น
เราแค่พยายามที่จะทำตามความเชื่อในคำสอนที่มีขอบเขตอันจำกัด คำพูดนั้นมีขอบเขตจำกัดในตัวมันเอง แล้วเมื่อเราฟังคำพูด เรามีภาพของเรา เรามีขอบเขตของความหมายของคำพูดนั้น และเราทำตามนั้น เราทำตามภาพที่เราคิดเอาเอง
เพราะฉะนั้น การปฏิบัติธรรมนั้นคือ ชีวิตที่เปิดกว้าง ชีวิตที่ผ่อนคลาย ชีวิตที่พร้อมจะเห็นความเคลื่อนไหว ความเป็นไป ความเป็นทั้งหมดของเหตุและปัจจัยมากมายที่เกิดขึ้นในขณะนี้
เมื่อเราเห็นชีวิต เห็นความเป็นทั้งหมดของมันในแต่ละขณะของชีวิต ชีวิตเราจะไม่คับแคบ การใช้ชีวิตนั้นไม่มีขอบเขต ไม่มีกรอบอันคับแคบของความคิดนั้นบังคับเอาไว้ ไม่มีความสับสน ไม่มีความยุ่งเหยิง ไม่มีความวุ่นวาย แล้ววันนึงเราจะได้รู้จักการใช้ชีวิตที่ไม่ต้องเลือก #เราแค่ฟังเสียงของชีวิตเท่านั้น เราจะรู้จักการฟังเสียงของชีวิต
และเมื่อเราใช้ชีวิตที่ไม่ต้องเลือก เราไม่ได้เป็นคนเลือก ชีวิตเราจะอยู่เหนือถูกเหนือผิด เหนือการตัดสินแบ่งแยก
.
เบื้องลึกที่สุดของหัวใจของเรา เรายังมีความหวังว่าเราปฏิบัติธรรมแล้ววันนึงเราจะเป็นพระโสดาบันหรือพระอรหันต์ไหม?
หรือว่าเราจะมีจิตใจที่ไม่มีกิเลส สะอาด บริสุทธิ์ เบื้องลึกที่สุดของหัวใจของเรายังมีความหวังนั้นไหม?
ฉันต้องได้อะไรบ้างแหละในชีวิตนี้ หรือฉันคงต้องดีกว่านี้บ้างแหละในชีวิตนี้ ยังมีไอเดียนั้นไหม?
ฉันคงต้องดีกว่าคนในโลกบ้างแหละ หรืออย่างน้อยที่ฉันเป็นอยู่ตอนนี้ก็ดีกว่าคนที่มีกิเลสในโลกนั่นแหละ ยังมีไอเดียนั้นไหม?
ฉันก็ยังดีกว่าคนในบ้านฉันที่ไม่ปฏิบัติธรรมสักคนนึงเลย ยังมีไอเดียนั้นไหม?
ใช่ไหมที่นักปฏิบัติธรรมเกือบจะทุกคน ลงทุนปฏิบัติธรรมด้วยไอเดียแบบนี้ และมีไอเดียเหล่านี้ตลอดชีวิตการปฏิบัติธรรม
คำถามผมคือว่า แล้วเราจะได้ปฏิบัติธรรมตอนไหน? เพราะชีวิตนั้นไม่เคยเป็นชีวิตจริงๆ เลย
ตอนเด็กๆ เราเติบโตขึ้นมา เราตั้งใจเรียนหนังสือ เราตั้งใจอ่านหนังสือ เราตั้งใจสอบ เพราะเราหวังว่าจะผ่าน เราหวังว่าเราจะได้ที่ 1 เราหวังว่าเราจะได้รับคำชมว่าเราเรียนเก่ง เราหวังว่าเราจะได้รับอะไรที่ดีกว่าในขณะนี้
ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การอยู่ในครอบครัว การอยู่กับเพื่อน การทำงาน #เราอยู่ในโครงสร้างของการที่เราทำอย่างนี้เพราะเราจะได้รับอย่างนั้น เราทำอย่างนี้เพราะเรามีสิ่งที่เราคาดหวังว่าจะได้รับอย่างนั้น แล้วเราใช้วิธีเดิม ใช้วิธีคิดเดิมๆ โครงสร้างของความเป็นเราเหมือนเดิมมาปฏิบัติธรรม
เข้าใจที่ผมบอกมั้ยว่า มันถึงกลายเป็นแค่อีกกิจกรรมหนึ่งของชีวิตเท่านั้นที่เราเรียกว่าการปฏิบัติธรรม แต่มันอยู่ภายใต้โครงสร้างของวิธีคิดเดิมๆ
ความเข้าใจโครงสร้างทั้งหมดของชีวิตที่ผมพูดถึงนี้ เห็นความเป็นทั้งหมดของตัวเอง เห็นกระแสความเป็นไปทั้งหมดของชีวิตนี้ และเราเข้าใจมันทั้งหมดได้อย่างแท้จริง นี่คือการปฏิบัติธรรม
ความเข้าใจทั้งหมดที่ผมพูดนี้คือสิ่งที่เราเรียกว่าอริยสัจ 4 รู้ทุกข์อย่างแจ่มแจ้ง
เมื่อเราพูดถึงอริยสัจ 4 มันดูยากเหลือเกิน ถ้าเราพูดกันง่ายๆคือแบบนี้ เราเข้าใจกระบวนการทั้งหมด เบื้องลึก เบื้องหลัง ความขับดันทั้งหมด ความหลงเหลือทั้งหมด ความไปสู่บางสิ่งบางอย่างทั้งหมด ความเดือดร้อนดิ้นรนทั้งหมด
ถ้าเราเข้าใจว่าอะไรเป็นการปฏิบัติธรรมกันแน่ เราจะค้นพบความจริงที่สำคัญสูงสุดคือ ชีวิตที่ไม่หลงเหลือเป้าหมายใดๆให้ใครบรรลุถึง เป็นเพียงแค่การเห็นกระแสของชีวิตนี้ #เห็นความเป็นไปของมันอย่างไม่มีวันจบสิ้นแค่นั้น
#เราคือการเห็นนั้น_และจุดจบของเราอยู่ที่นั่น แต่มันต้องไม่ใช่ Sense ของการที่เราได้เป็นการเห็นนั้น...และเราถูก
#Camouflage
11-12-2564
Create your
podcast in
minutes
It is Free