บรรยายเมื่อ 09-04-2565
เราต้องมีความแจ่มชัดก่อนว่าอะไร "ไม่ใช่" การปฏิบัติธรรม
ถ้าเรายังคงถูกครอบงำด้วยความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม ลองสังเกตดู...มันเป็นไอเดียที่มีเราคนนึงกำลังทำตามไอเดียที่ดีที่สุดในโลกนี้อันนึงที่เราเชื่อ
การที่มีเราคนนึงคอยทำตามไอเดียที่เราเชื่อว่าดีที่สุด จากบุคคลที่น่าเชื่อถือที่สุด จากตำราที่น่าเชื่อถือที่สุด เราเคยเห็นมั้ยว่ามีเราคนนึงเกิดขึ้น และกำลังทำตามสิ่งนั้นๆ
และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมการฝึกของเราที่เราเรียกว่าการฝึกปฏิบัติธรรมนั้น อัตตามันจึงไม่เคยหายไปเลย
ถ้าเราเข้าใจสิ่งที่ผมพูด เราจะรู้ว่ามันไม่เคยหายไป และมันไม่มีวันที่จะหายไป
เพราะมีเราคนนึงรองรับความคิดนั้น มีเราคนนึงสร้างภาพจากไอเดียนั้น มีเราคนนึงกำลังสร้างเส้นทางจากความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมนั้นๆ และทั้งหมดนั้นไม่ใช่การปฏิบัติธรรม
ก่อนที่เราจะปฏิบัติธรรมให้ถูกต้อง เราต้องรู้จักสิ่งที่ตัวเองเคยทำมาทั้งหมดก่อนว่า ที่เราเชื่อว่า ใช่นั้น...มันใช่จริงมั้ย?
ถ้าเรายังไม่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองทำมาทั้งหมดว่ามันคืออะไรกันแน่ ต่อให้เราได้ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมที่แท้จริงว่ามันเป็นยังไง มันก็จะเป็นแค่ของจริงกับของปลอมที่คอยผสมกันในชีวิตของเรา จนเราไม่รู้เลยว่าอะไรมันจริง อะไรมันปลอมกันแน่
เพราะฉะนั้น การปฏิบัติธรรม คือ #ความถ่องแท้ในความเป็นทั้งหมดของชีวิต #ความทะลุปรุโปร่งในทุกแง่มุมของชีวิตนี้
และถ้าเราใช้ชีวิตที่เป็นความถ่องแท้และทะลุปรุโปร่งนี้ ชีวิตเราจะเป็นจริง ที่ผมบอกว่าเราต้องใช้ชีวิตจริงๆ...คือแบบนี้
ความทะลุปรุโปร่งของชีวิต ไม่ใช่ความแบ่งแยก มันเป็นเพียงความทะลุปรุโปร่งในแต่ละขณะแค่นั้น และไม่มีการสะสม ไม่มีการเก็บเอาไว้ และไม่มีเพื่ออะไรต่อไปในอนาคต
การจบลงของอัตตานั้น เกิดขึ้นขณะนี้เลย เหลือเพียงความดำรงอยู่อย่างแท้จริงในขณะนี้
ไม่มีความครอบงำของไอเดีย ของความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม
ไม่มีว่าเป็นอย่างนี้...แล้วอนาคตเราจะดีกว่านี้
หรือแม้กระทั่งไม่มีว่าความดำรงอยู่ในขณะนี้...ถูกแล้ว
ไม่มีภาพทั้งหมดต่อชีวิตนี้ในขณะนี้ ไม่มีภาพถัดไปต่อจากขณะนี้ ไม่มีภาพก็หมายถึงไม่มีอัตตามารองรับในแต่ละขณะของชีวิต
และนี่คือคำว่าปัจจุบัน ไม่ใช่เราอยู่กับปัจจุบัน #แต่ชีวิตเป็นปัจจุบันอยู่แล้ว
เหมือนผมสรุปให้เสร็จแล้วว่า “ชีวิตนี้เป็นแค่การเห็น” จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราไม่เข้าใจด้วยตัวเองว่า อะไรไม่ใช่การปฏิบัติธรรมที่แท้จริง…
เราฟังๆ แล้วก็ผ่านๆ ไป แล้วก็ถามอาจารย์ว่า “สรุปว่าทำยังไง?” “อ๋อ ชีวิตเป็นแค่การเห็น” “โอเค ต่อไปนี้เราจะแค่เห็น”
นี่คือความพังพินาศของการปฏิบัติธรรม เพราะการที่เราจะแค่เห็น…ก็คือไอเดียหนึ่งเหมือนเดิม
มันไม่มีไอเดียนั้น ชีวิตมันเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วโดยไม่ต้องใช้ไอเดียในการชี้นำให้มันเป็น เราค้นพบมั้ย? แค่นั้น
เพราะฉะนั้น มันไม่ใช่การฝึก มันคือการค้นพบ และการค้นพบนั่นหมายถึงความฉับพลัน…ความเข้าใจอย่างฉับพลันต่อชีวิตนี้ว่ามันคืออะไรกันแน่
ไม่มีใครจะที่สามารถนำพาเรา ที่จะค้นพบความจริงหรือค้นพบสิ่งที่เป็นจริงได้ นอกจากตัวเราเอง
.
ผมอยากให้เห็นโครงสร้างว่าชีวิตเราเก่ายังไง เราใช้ชีวิตจริงๆ ไม่ได้ยังไง เราค้นพบชีวิตจริงๆ ไม่ได้ยังไง ชีวิตเราทำไมไม่ใหม่ซักทีนึง เราอยากจะพ้นจากความครอบงำของกิเลส #แต่เรามาถูกสิ่งที่ตรงข้ามกับมันครอบงำแทน
เราต้องรู้จักสิ่งเหล่านี้ที่มีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตจริงๆ ของเรา ถ้าเราไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเราเอง เราก็จะไม่มีวันพ้นจากความครอบงำใดๆ ได้เลย
เราเพียงแค่อยู่ในมายาของความครอบงำ และพยายามจะเป็นสิ่งที่ดีกว่าภายใต้กะลาใบนั้นแค่นั้น
เพราะฉะนั้น เราทุกคนจะต้องทะลุปรุโปร่งต่อชีวิตนี้ ต่อความเป็นทั้งหมดของชีวิตนี้ เราจึงจะสามารถที่จะพ้นจากความครอบงำทั้งปวงได้ พ้นจากความครอบงำไม่ว่าสิ่งนั้นจะดีหรือไม่ดีก็ตาม
#Camouflage
09-04-2565
Create your
podcast in
minutes
It is Free