บรรยายเมื่อ 15-05-2565
อาจารย์ : ศาสนาพุทธเป็นสากล ไม่ใช่เรื่องพิสดาร ไม่ใช่เรื่องแบบที่เราคิดว่า โอ้ย เรานั่งทำสมาธิไม่ได้ เรามีสติไม่ได้ หรือเราไม่มีสติ เราหลงเยอะ ...เข้าใจมั้ย ไม่ใช่เรื่องแบบนั้น ทั้งหมดนี้เป็น#เรื่องอุดมคติที่เราจะไปถึง ซึ่งนั่นไม่ใช่
เราอยากจะเปลี่ยนตัวเอง...เราถามตัวเองว่าเราจะเปลี่ยนตัวเองจากที่นี่ไปที่นั่นได้ยังไง และการปฏิบัติธรรมน่าจะช่วยเราได้ ที่เราจะไม่เป็นอย่างนี้ เราจะดีกว่านี้ เข้าใจมั้ย นี่คือสิ่งที่นักปฏิบัติธรรมหรือคนที่จะเข้ามาปฏิบัติธรรมคิดว่า การปฏิบัติธรรมจะให้เราแบบนั้น
ผมถามว่า ถ้ามันไม่ใช่แบบนั้นล่ะ เราจะปฏิบัติธรรมมั้ย?
เอ : สำหรับหนู หนูก็จะปฏิบัติธรรมค่ะ
อาจารย์ : เพราะอะไร?
เอ : หนูก็ไม่รู้ค่ะ แต่หนูก็จะปฏิบัติค่ะ
อาจารย์ : ถ้าการปฏิบัติธรรมจะไม่ได้เปลี่ยนเราให้ดีกว่านี้เลย เราก็จะปฏิบัติธรรมหรอ?
เอ : หมายถึงว่าเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลงหรอคะ
อาจารย์ : ไม่ใช่แย่ลง หมายถึงไม่เปลี่ยนเลย สมมติว่าไม่เปลี่ยนเลย เป็นแบบนี้แหละ
เอ : ถ้าไม่เปลี่ยนเลย เราก็ไม่ปฏิบัติดีกว่า
อาจารย์ : นั่นคือแปลว่าเราปฏิบัติธรรมเพื่อหวังจะได้อะไรใช่มั้ย?
เอ : เอิ่มมม ใช่ค่ะ
อาจารย์ : เรามีความอยากจะได้อะไรใช่มั้ย? นั่นใช่การปฏิบัติธรรมมั้ย?
เอ : ไม่ใช่ค่ะ
อาจารย์ : เพราะฉะนั้น ก่อนที่เราจะปฏิบัติธรรม เราต้องเข้าใจว่าการปฏิบัติธรรมคืออะไรกันแน่
เอ : ค่ะ เพราะว่าหนูยังไม่เข้าใจ หนูยังไม่เคลียร์ ยังมองภาพรวมไม่ออกว่ามันคืออะไร พอยังมองภาพรวมไม่ออก และถ้าเราเดินต่อ ความเข้าใจเรามันก็จะผิด
อาจารย์ : โอเค ถ้าการปฏิบัติธรรมคือการที่ไม่ได้ไปต่อ…จะเป็นยังไง ลองคิดดูว่า ไม่ใช่การเดินไปข้างหน้า ไม่ใช่การเดินต่อ …มันจะเป็นยังไง
เอ : หมายถึงว่าถ้าการปฏิบัติธรรมไม่ใช่การเดินต่อใช่ไหมคะ งั้นนนน...มันก็ต้องมีทางอื่น
อาจารย์ : ทางอื่นเรียกว่าเดินต่อเหมือนกัน
เอ : งั้นก็ต้องอยู่กับที่สิคะ
อาจารย์ : อืมใช่ อยู่กับที่ อยู่กับที่แล้วจะเหลืออะไร?
เอ : อยู่กับที่…มันก็ต้องไม่มีอะไร ผลลัพธ์มันก็ต้องเท่าเดิม…รึเปล่าคะ มันไม่มีมากขึ้น ไม่มีน้อยลง
อาจารย์ : อืม เพราะฉะนั้น ถ้าเราอยู่กับที่ เห็นมั้ยว่าสมองเราคิดไม่ออกว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราคิดออกได้แต่ว่า ถ้าอยู่กับที่ก็ไม่มีความก้าวหน้า ไม่มีการเจริญขึ้นในทางที่ดี และก็ไม่ใช่จะไม่ดีด้วยถ้าอยู่กับที่ สมองเราคิดตรรกะในเชิงนั้นออก ถูกมั้ย
สมองเราคิดไม่ออกว่าในความเป็นจริงแล้วการอยู่กับที่นั้นจะเกิดอะไรขึ้น และนั่นคือการที่ทำไมนักปฏิบัติธรรมถึงไม่ยอมอยู่กับที่ เพราะเขาคิดไม่ออกว่ามันจะไปต่อยังไง เจริญก้าวหน้ายังไง เขาจึงไม่ยอมอยู่กับที่ และเขาจึงเลือกที่จะปฏิบัติธรรมในเชิงที่เขาจะเปลี่ยนตัวเองจากที่นี่ไปที่นั่น และนั่นทั้งหมดไม่ใช่การปฏิบัติธรรม...งงมั้ย?
เอ : ไม่งงค่ะ
อาจารย์ : มนุษย์ทุกคนจะทำทุกอย่างตามเหตุผลที่ตัวเองคิดออกเท่านั้น เพราะฉะนั้น ที่ผมถามว่า ถ้าปฏิบัติธรรมแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย...จะทำไหม?
ถ้าเราบอกว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย สมองจะบอกว่าเราไม่ได้อะไรเลย เราจะไม่ทำ
เพราะฉะนั้น กระบวนการปฏิบัติธรรมของมนุษย์เราอยู่ภายใต้เงื่อนของตรรกะและเหตุผลตลอดเวลา เราจึงไม่เคยได้ปฏิบัติธรรมกันเลย เราไม่ได้ทำสิ่งที่เรียกว่าปฏิบัติธรรมจริงๆ เราแค่ทำกิจกรรมที่คล้ายๆ สิ่งที่เรียกว่าการปฏิบัติธรรมเฉยๆ
#การมีชีวิตที่สิ้นหวัง การใช้ชีวิตที่ไม่มีความหวังใดๆเลย #คือหัวใจที่พร้อมจะรับเคล็ดวิชาสูงสุด
หัวใจที่สิ้นหวังคือหัวใจแห่งปัจจุบัน เป็นหัวใจที่พร้อมจะเปิดรับธรรมะสูงสุด คืออริยสัจ 4
แต่ถ้าเรามีทางไปต่อ นั่นคือทุกก้าวในทุกวันของเรา...มีหวัง
เพราฉะนั้น หัวใจนั้นเราได้มันหรือยัง?...เราไม่ได้ เราเข้ามาในวัด เข้ามาในสำนัก มีแต่คนบอกให้เราไปทำแบบนี้แล้วเดี๋ยวจะดีกว่านี้ ไปฝึกแบบนี้แล้วเดี๋ยวสติจะเร็วกว่านี้ ทำอย่างนี้แล้วเดี๋ยวจะมีสมาธิได้ดีขึ้น ทำอย่างนี้แล้วเดี๋ยวจะไวขึ้น รู้ทันมากขึ้น
ทุกอย่างให้อนาคตกับเรา และหัวใจที่อยู่ในอนาคตคือหัวใจที่ปิด
เพราะฉะนั้น ที่เมื่อกี้ผมถามว่า ถ้ามาปฏิบัติธรรมแล้วไม่ได้ไปไหน ไม่ได้ไปต่อ ไม่ได้อะไร แล้วจะยังปฏิบัติไหม?
เอ : ก็ยังปฏิบัติค่ะ
อาจารย์ : เพราะอะไร?...เพราะน่าจะได้ไป ใช่มั้ย? ถูกมั้ย ลึกๆ เรารู้สึกอย่างนั้น ก็อาจารย์บอกแล้วนิ ถ้าหัวใจเราไม่ไปต่อเนี่ย เดี๋ยวเราจะได้แน่ๆ ได้เคล็ดลับวิชาสูงสุด ถูกมั้ย
คำตอบที่ทุกคนรู้แล้ว หรือทุกคนก็รู้แล้วแต่ลืมไปแล้ว ผมจะพูดใหม่...ต่อให้ไม่ได้อะไร เราก็ยังปฏิบัติธรรม ก็เพราะว่า #การปฏิบัติธรรมนั้นคือชีวิตที่แท้จริง…มันเป็นจริง มันเป็นชีวิตจริงๆ ไม่ใช่ชีวิตลวงๆ ที่อยู่ภายใต้ความคิด การตัดสิน ของคู่ทั้งหลาย
เมื่อเรารู้จักชีวิตจริงๆ เรากลับไปใช้ชีวิตลวงๆไม่ได้ เราจึงจำเป็นจะต้องปฏิบัติธรรม แม้ว่าจะไม่ได้อะไรก็ตาม
เพราะฉะนั้น เรารู้แล้วว่า 43 ปีที่ผ่านมานั้นไร้สาระ การที่เราจะมีพลังใจที่จะมีชีวิตจริงๆ #เราต้องรู้จักว่าชีวิตที่เป็นอยู่ไม่มีสาระ...เราต้องแยกออก ทันทีที่เราแยกออก เราจะรู้เลยว่าชีวิตต้องการอะไร ชีวิตต้องอยู่แบบไหน ต้องทำอะไร
#เรื่องเหล่านี้จะต้องใช้ปัญญาของเราเอง ไม่ใช่การโน้มน้าวชักชวน หรือไปตามบรรยายกาศของกลุ่มหรือของใครก็ตาม เพราะนั่นจะเป็นเรื่องชั่วคราว
#แต่ถ้าเรารู้จักว่ามันคือชีวิตจริงๆ
#มันจะไม่ชั่วคราวอีกต่อไป
Camouflage
15-05-2565
Create your
podcast in
minutes
It is Free