10 ม.ค. 67 - รู้ทันความคิดจนจิตเป็นอิสระ : คนเราทุกข์เพราะความคิดก็เพราะเหตุนี้ เพราะว่าชอบเติมแต่งไปจนมันเกินเลยไป ถ้าหากว่าเราเจริญสติ มันต้องเห็นไปเรื่อยๆ เห็นลึกขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเห็นว่าการที่ใจมันยึดเข้าว่าเป็นเรา เป็นของเรา ตรงนี้คือที่หลวงพ่อท่านพูดอยู่เสมอว่า เห็น ไม่เข้าไปเป็น
ถ้าเรามีสติเห็นอยู่ชัดๆ มันจะไม่เข้าไปยึดว่าเป็นเรา เป็นของเรา แล้วมันจะรู้ทันเลยว่า มันมีการปรุงตัวกูขึ้นมา เป็นผู้โกรธ เป็นผู้เกลียด เป็นผู้ปวด เป็นผู้เครียด มันมีการปรุงตัวกูขึ้นมา ถ้าไม่รู้จักพิจารณา ไม่รู้จักเฝ้าดูใจของตัว ไม่มีสติที่ไวพอ ก็จะไม่เห็นตรงนี้ และตรงนี้มันคือรากเหง้าของความทุกข์ การปรุงตัวกูขึ้นมา มันเป็นยิ่งกว่าการตีค่า มันมากกว่าการเติมแต่งหรือการตีความ แต่มันเป็นการสร้างตัวทุกข์ขึ้นมาเลย
การเจริญสติ ถ้าหากว่าเรามีสติที่ละเอียด และไว เราจะเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ มันไม่ใช่แค่มารู้ว่าโกรธ หลังจากที่โกรธไปเรียบร้อยแล้ว แต่ว่ามันจะรู้แม้กระทั่งเวลาขณะที่กำลังโกรธ เห็นชัดๆ เลย อย่างที่หลวงพ่อคำเขียนว่า เห็นแบบจังๆ เห็นแบบซึ่งๆ หน้า
ต่อมามันจะเห็นเร็วขึ้น จนกระทั่งว่าเพียงแค่มีความกระเพื่อมในจิตใจ เห็นความหงุดหงิดขึ้นมา มีความหงุดหงิดขึ้นมาก็รู้ทัน เห็นมันได้ทันที ต่อไปก็จะเห็นว่า ที่เราทุกข์เพราะเราชอบให้ค่าหรือตีค่าไปในทางลบ หรือตีความไปในทางร้าย หรือเติมแต่งไปต่างๆ นานา จนกระทั่งเห็นชัดๆ เลย เป็นเพราะการปรุงตัวกูขึ้นมา ที่มันเป็นตัวการทำให้ทุกข์
ถ้าเราเจริญสติ ไม่เห็นตรงนี้ มันก็แค่มีความสบายชั่วคราว รู้ทันความคิดรู้ทันอารมณ์ ก็วาง ปล่อย สุดท้ายก็กลับมาทุกข์ใหม่ เพราะไม่รู้ทันการตีค่า ให้ค่า หรือการตีความ หรือว่าปล่อยให้ใจปรุงแต่งไปสารพัด จนกระทั่งเข้ารกเข้าพก รวมทั้งการเข้าไปเป็น ไม่ว่ามีอารมณ์ใดเกิดขึ้นก็เข้าไปเป็น หรือเข้าไปยึดสิ่งต่างๆ ที่อยู่นอกตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ทรัพย์สมบัติต่างๆ ว่าเป็นเรา เป็นของเรา เป็นตัวการของความทุกข์
แต่ถ้าเรามีสติที่เจริญงอกงาม ก็จะเห็นมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็จะเห็นทะลุทะลวง จนกระทั่งถึงตัวที่เป็นสมุทัย คือ รากเหง้าแห่งความทุกข์ ซึ่งก็อาจจะช่วยทำให้เราปลดเปลื้องใจออกจากความทุกข์ได้ในที่สุด