เด็กวัยรุ่นที่ผลิต Fake News ทำเงินไปได้กว่าห้าแสนบาท ในขณะที่ชาวมาเซโดเนียโดยเฉลี่ย มีายได้แค่เดือนละ 10,000 บาท
หลังจากเริ่มเล็งเห็นช่องทางในการหารายได้คนก็แห่กันเข้ามาเขียนข่าวปลอมกันเยอะแยะไปหมด สำนักข่าว Wired รายงานว่าในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2016 มีเว็บไซท์การเมืองจดทะเบียนสูงกว่าร้อยเว็บ ข่าวที่ช่วยหนุนให้ โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง นับยอดแชร์ได้มากกว่า 30 ล้านครั้ง
รายได้หลักก็มาจากบริการอย่าง Adsense หรือ Appnexus ที่เปิดโอกาสให้กับเจ้าของเว็บไซต์สามารถทำรายได้โดยการนำโฆษณามาวาง บริการเหล่านี้จัดวางแบนเนอร์โฆษณาไปทุกที่ ไม่เลือกว่าเป็นเว็บข่าวประเภทใด น่าเชื่อถือมากขนาดไหน ขอแค่มีคนเห็นก็พอ ยิ่งยอดวิวสูง รายได้ก็จะมากขึ้นตามไปด้วย
แม้ว่าแบรนด์ดังและบริษัทต่างๆ จะพยายามบล็อกไม่ให้แบรนด์ของตัวเองปรากฎอยู่บนหน้าเว็บเหล่านี้ แต่มันก็ยากที่จะไล่ตามเก็บได้หมด ยิ่งเมื่อมีเว็บใหม่ๆ เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ดด้วยแล้ว
Fake News กลายเป็นปรากฎการณ์คู่ขนานในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2016 ซึ่งแม้จะยังฟันธงไม่ได้ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งด้วย Fake News
แต่มันก็ส่งแรงสั่นสะเทือนมากพอให้ยักษ์ใหญ่ในวงการออนไลน์ ต้องหันมาพิจารณานโยบายของตนเอง Facebook เซ็นสัญญาร่วมงานกับ Snope และ Politifact เพื่อช่วยกรองข่าวให้ ด้าน Google ก็ระงับการจ่ายเงินให้กับเว็บไซต์ที่ถูกตรวจได้ว่าเป็น Fake News แต่จะเห็นได้ว่าทั้งสองวิธีก็ทำได้แค่ระงับ ยับยั้ง หลังจาก Fake News ถูกเผยแพร่ไปแล้ว แต่ยังไม่สามารถป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นได้
เรียบเรียบและลงเสียงโดย นภพัฒน์จักษ์ อัตตนนท์