ข้อมูลสถิติจากเว็บไซต์ Statista ได้อธิบายไว้ว่า "ตอนก่อนหน้านี้ที่แคลิฟอร์เนียถูกไฟป่าทำลายไปในช่วง 2018 และต่อมาป่าดิบชื้นแอเมซอนก็เกิดไฟป่าขึ้นอีกครั้ง ซึ่งมีการพาดหัวข่าวกันอย่างอึกทึกครึกโครม แต่มาครั้งล่าสุดไฟป่าที่ประเทศออสเตรเลียได้กินพื้นที่ไปมากกว่า 12 ล้านเอเคอร์ เทียบเท่ากับ 220 กิโลเมตรตั้งแต่มีไฟป่าขึ้นจวบจนถึงตอนเดือนมกราคม และไฟป่าอีกที่หนึ่งคือตอนเหนือของประเทศรัสเซียที่ไหม้ไปกว่า 6.7 ล้านเอเคอร์ เทียบเท่า 164 กิโลเมตร รวมถึงมีอีกหลายที่กระจายไปทั่วโลกซึ่งไม่มีการรายงานเด่นชัด ในขณะที่ไฟป่าในแคลิฟอร์เนียในปี 2018 ได้หมดสิ้นมาสักพักหนึ่งแล้ว และป่าแอเมซอนก็ได้ลดลงเช่นกัน ทว่า ประเทศออสเตรเลียอยู่ใจกลางของฤดูไฟป่าพอดี เพราะว่าเป็นจังหวะที่มีอากาศที่ร้อนบวกกับแห้งแล้งด้วย เลยทำให้ไฟป่าโหมกระหน่ำมากขึ้น อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ สิ่งที่น่าตกใจมากที่สุดคือ ภาพของรัฐ Queensland ท้องฟ้าเต็มไปด้วยสีส้มทั้งหมด และไฟป่าก็ได้ตัดผ่านเมืองนั้นเช่นกันด้วย สาเหตุของไฟป่าครั้งนี้ก็เพราะอากาศที่ร้อนพอดีกับแห้งแล้งผสมผสานเข้าด้วยกัน รัฐ New South Wales ก็ได้รับผลกระทบที่ไม่สามารถระบุสัดส่วนได้ชัดเจน ยังลามไปถึง รัฐ Sydney ที่มีควันดำปกคลุมตั้งแต่ กลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และยังไม่มีทีท่าจะหยุดตอนนี้ ไฟป่าที่เกิดกับประเทศออสเตรเลียนั้น จะเพิ่มแรงทวีคูณการทำลายขึ้นไปอีก นักวิทยาศาสตร์ทำนายไว้ว่า สิ่งนี้จะเป็นตัวเชื่อมโยงกับภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ไฟป่านั้นจะมาบ่อยครั้งมากขึ้นและก็กินเวลานานยิ่งขึ้นเช่นกัน"
- 220 กิโลเมตร เทียบเท่าจังหวัดระยองถึงจังหวัดอยุธยา
- 164 กิโลเมตร เทียบเท่าพัทยากลางถึงจังหวัดปทุมธานี
- ไฟไหม้ปาเกิดจะหยุดได้ตอนไหน
- การเชื่อมโยงระหว่างโลกร้อนกับไฟป่า สมเหตุสมผลไหม
- สถิตินี้จะทำให้ทุกคนเล็งเห็นถึงภัยที่กำลังจะย่างกรายเข้ามาเรื่อย ๆ
Create your
podcast in
minutes
It is Free